ธรรมฝ่ายขาวโดยปฏิปักขนัย (นัยฝ่ายตรงกันข้าม) ดังกล่าวแล้ว. บทว่า
เทวมหตฺตตา ได้แก่ เทวดาชั้นกามาวจร 6. บทว่า มนุสฺสมหตฺตตา
ได้แก่ สมบัติแห่งตระกูลทั้ง 3 (กษัตริย์ พราหมณ์ คหบดี) คำที่เหลือใน
ที่ทุกแห่งง่ายทั้งนั้น. ก็พระสูตรนี้ตรัสเนื่องด้วยวัฏฏะล้วนๆ แล.
จบ อรรถกถาจูฬปุณณมสูตรที่ 10
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
1. เทวทหสูตร 2. ปัญจัตตยสูตร 3. กินติสูตร 4. สามคาม-
สูตร 5. สุนักขัตตสูตร 6. อาเนญชสัปปายสูตร 7.คณกโมคคัลลานสูตร
8 โคปกโมคคัลลานสูตร 9. มหาปุณณมสูตร 10. จูฬปุณณมสูตร
อนุปทวรรค
1. อนุปทสูตร
[153] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้:-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ที่พระเชตวันมหาวิหาร
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. สมัยนั้นแล พระผู้มีพระ
ภาคเจ้า ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย. ภิกษุเหล่านั้น
ทูลรับพระพุทธพจน์แล้ว.
ว่าด้วยพระพุทธองค์ทรงสรรเสริญพระสารีบุตร
[154] พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสคำนี้ ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
สารีบุตรเป็นบัณฑิต เป็นผู้มีปัญญามาก มีปัญญากว้างขวาง มีปัญญาร่าเริง
มีปัญญาว่องไว มีปัญญาเฉียบแหลม มีปัญญาคม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สารี-
บุตร เห็นแจ้งธรรม ตามลำดับบทได้ชั่วครึ่งเดือน ในการเห็นแจ้งธรรมตาม
ลำดับบทของพระสารีบุตรนั้น มีดังต่อไปนี้.
ธรรมในปฐมฌาน
[155] ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลาย ในข้อนี้ สารีบุตรสงัดจากกามทีเดียว
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย เข้า ปฐมฌาน มี วิตก มี วิจาร มี ปีติ และ สุข
เกิดแต่วิเวกอยู่ ก็ธรรมในปฐมฌาน คือ วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา-
จิต ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา วิญญาณ ฉันทะ อธิโมกข์ วิริยะ
สติ อุเบกขา มนสิการ เป็นอันสารีบุตรกำหนดได้แล้ว ตามลำดับบท ธรรม